My name's MARK.

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ท่องเท่ยวเมืองไทย..อีสานคลาสสิก และ 8 สุดยอดแห่งที่ราบสูงอีสาน



อีสานคลาสสิก และ 8 สุดยอดแห่งที่ราบสูงอีสาน (อ.ส.ท.)
โดย อภินันท์ บัวหภักดี


          อีสานวันนี้ แม้หลายสิ่งจะเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลก แต่อีกสานก็ไม่เคยฮ่างอีสานที่เหมือนจะเซาซึม วันนี้กลับกลายเป็นแผ่นดินที่ควรค่าแก่ความภาคภูมิใจ ยิ่งในยุคที่โลกร้อนและอาหารแพง อีสารกลับเป็นดินแดนแห่งข้าวหอมมะลิ และกำลังจะชุ่มน้ำด้วยอภิมหาโครงการใหญ่ยักษ์หลายโครงการ แต่เหนืออื่นใด อีสานนี้แหละที่จะเป็นดินแดนหน้าบ้านของประเทศไทยในการออกไปรับหน้ากับการเติบโตของอุษาคเนย์ ที่กำลังพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรีบรุด

          วันนี้คนอีสานนับแสนภาคภูมิใจกับความเป็นแผ่นดินผืนที่กว้างใหญ่ที่สุดของประเทศ การมีประชากรมากที่สุดของประเทศ มีผู้แทนราษฎรจำนวนมากที่สุด และมีเมืองใหญ่ๆ ที่ใหญ่โตจริงๆ ทัดเทียมกันมากมายหลายเมืองด้วยกันผู้คนอีสานวันนี้ทำมาหากินขยันขันแข็ง กำลังงานวันก่อนที่ค่อยเริ่มสร้างบ้านแปลงเมืองเคยออกไปไขว่คว้าหาประสบการณ์ต่างบ้าน ไม่เพียงไปในเมือง ในจังหวัดกรุงเทพฯ หรือประเทศไทย แต่บุกบั่นไกลไปทั่วโลก มาถึงวันนี้ได้นำเข้าอารยธรรมความเจริญ เงินตราความรู้ความคิดใหม่ๆ กลับมาพัฒนามาตุภูมิอย่างมีคุณค่าอเนกอนันต์



          และเช่นเดียวกัน ในด้านประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม และความสวยงามตามธรรมชาติ อีสารก็มีสิ่งดีๆ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ และเป็นความยิ่งใหญ่ ไม่เฉพาะเพียงของอีสาน หากยังเป็นเอกลักษณ์ความยิ่งใหญ่ของประเทศด้วยในขณะเดียวกันอีกหลายแง่หลายมุม
       
          "เมืองนี้ ดินดำน่ำชุม ปากุ่มบ้อน คือแข่แกงหาง ปานางบ้อน คือขางฟ่าลัน จักจั่นฮ้อง คือฟ่าลวงบน แตกจ้นจ้น เสียงปีบ โฮแซว เมืองนี้ มีสุแนวระบำลำฟ่อน"



 1. สุดยอดขุนเขาแห่งการท่องเที่ยว...ภูกระดึง

          เมื่อเอ่ยถึงภูเขา สิ่งที่ไปกันได้ดีก็คือเรื่องของการท่องเที่ยว เพราะบนภูเขามีสิ่งดึงดูดความสนใจให้ขึ้นไปเที่ยวชมมากมาย อย่างพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตก ป่าใหญ่ๆ ดอกไม้ป่างามๆ น้ำตกบึ้มๆ หน้าผาและจุดชมวิวสวยๆ ไม่เพียงเท่านั้นอุณหภูมิบนภูเขาทั้งกลางวันกลางคืนก็หนาวเย็น สร้างบรรยากาศโรแมนติก ชวนให้เบียดกายใกล้ชิดสนิดแนบ เหมาะแก่การพาคู่รักหรือเพื่อนร่วมใจไปสนุกสนานเปลี่ยนบรรยากาศ ภูเขาจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับของผู้คนทั่วโลก

          แนวทิวเขาของอีสานประกอบไปด้วยแนวทิวขาเพชรบูรณ์และแนวทิวเขาดงพญาเย็น ที่เป็นเสมือนสันกั้นพรมแดนระหว่างภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคอีสาน จากที่ราบลุ่มภาคกลางจะขึ้นสู่ที่ราบสูงอีสานก็ต้องทะลุแนวภูเขานี้ขึ้นไปทั้งสิ้น ต่ำลงมาประชิดกับภาคตะวันออกชายฝั่งทะเล คือเทือกเขาสันกำแพง ที่ด้านหนึ่งเป็นจังหวัดปราจีนบุรีและสระแก้ว กับอีกด้านหนึ่งก็คือพื้นที่อำเภอโนนสูง เสิงสาง และครบุรี จังหวัดนครราชสีมา ทิวเขานี้ยังเชื่อมโยงต่อไปถึงพนมดงรัก ซึ่งเป็นแนวกั้นอีสานกับดินแดนกัมพูชาและ สปป. ลาว และทั้งหมดนี้ก็คือ แนวภูเขาที่กั้นอีสานออกเป็นเอกเทศ แทบจะเป็นที่ราบกลมๆ บนที่สูง จากอีสานจะลงมาภาคกลางหรือไปภาคเหนือ อย่างไรเสียก็ต้องเจอภูเขา จะไปตามทางราบๆ ตลอดไม่ได้

          นอกจากนี้ อีสานยังมีแนวเทือกเขาภูพานที่เป็นเส้นตัดขวางแบ่งกั้นให้เกิดเป็นอีสานเหนือ คือ จังหวัดอุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม และเลย และอีสานใต้ที่มีอยู่อีกมากมายหลายจังหวัด ทั้งหมดเสมือนถูกตัดแยกออกจากกันอย่างเด่าชัดด้วยเทือกเขาภูพานแห่งนี้

          และในบรรดาเทือกภูเขาสูงอีสานหลากหลายนี้ เทือกเขาเพชรบูรณ์ดูจะเป็นเทือกเขาที่มีพื้นที่กว้างขวางที่สุด ก่อให้เกิดภูเขาย่อยๆ ที่มีพื้นที่กว้างขวาง มีความหลากหลายของสรรพชีวิตสวยงามมากมายหลายแห่ง และหากจะกล่าวกันถึงเรื่องท่องเที่ยวแล้ว ก็เชื่อแน่ว่าไม่มีใครปฏิเสธ หากจะยกตำแหน่งสุดยอดภูเขาท่องเที่ยวให้กับภูกระดึง แห่งเทือกเขาเพชรบูรณ์ จังหวัดเลย

          ภูกระดึง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเก่าแก่ที่ไม่เคยเสื่อมคลายมนตร์ขลัง เพราะที่นี่มีทุกๆ อย่างที่นักท่องเที่ยวต้องการ จุดเด่นของภูกระดึงคือความสวยงามของภูเขา สายหมอกหน้าผา พรรณไม้ และสัตว์ป่า กล่าวกันว่า ถ้านักท่องเที่ยวจะเริ่มต้นออกเดินทางท่องธรรมชาติ ภูกระดึงจะเป็นเสมือนโรงเรียนประถมต้นของการท่องเที่ยวภูเขากันเลยที่เดียว



 2. สุดยอดภูผาและผืนป่าอนุรักษ์

          นอกจากภูเขาจะเป็นแหล่งรวมความงดงามน่าท่องเที่ยวแล้ว ยังมีความสำคัญในฐานะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารอีกด้วย กระบวนการจะเริ่มตั้งแต่น้ำฝนที่ประพรมผืนป่าบนภูเขา ต้นไม้มีหน้าที่เก็บกักน้ำนั้นไว้ แล้วค่อยปล่อยลงสู่ลำน้ำเล็กๆ  ที่ไหลลงมาตามความลาดชันของภูเขา รวมกันเป็นลำน้ำสายใหญ่ ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ กระทั้งไหลลงสู่ที่ราบสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ผู้คนเบื้องล่าง นอกจากบทบาทนี้แล้ว ป่าบนภูเขายังเป็นแหล่งรวมของนานาสรรพชีวิตหลากหลาย ทั้งพืชและสัตว์ รวมถึงนกหายากอีกหลากหลายประเภท ภูเขาจึงเป็นแหล่งที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้เพื่อให้ต้นน้ำลำธานคงความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้น สัตว์ป่า นก และพืชหายากนานาพรรณมีโอกาสดำรงพันธุ์ของตนสืบไป



          ในอีสานมีผืนป่าอนุรักษ์ด้วยกันมากมายหลายแห่ง อย่างอุทยานแห่งชาติที่เป็นแหล่งมรดกโลกแห่งใหม่ล่าสุดของเมืองไทย คืออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่กินพื้นที่ไม่เฉพาะเพียงภาคอีสาน แต่ยังแผ่ขยายพื้นที่กว้างขวางมาถึงภาคกลางด้านตะวันออกเขาใหญ่ในด้านหนึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำบางปะกงในภาคกลาง และอีกด้านหนึ่งก็เทน้ำไหลลงสู่ลำห้วยต่างๆ ของน้ำมูน น้ำชี นอกจากนั้น อีสานยังมีเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง ซึ่งงดงามด้วยพรรณไม้หายากนานาพรรณ ควรค่าแก่การศึกษา รวมทั้งเขตอุทยานแห่งชาติริงโขงที่น่าสนใจอย่างอุทยานแห่งชาติผาแต้ม ภูวัว แก่งตะนะ และที่อื่นๆ อีกมากมาย

          ในบรรดาภูผาและผืนป่าอนุรักษ์ทั้งหลายของอีสานนั้น อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง คือสุดยอดของภูผาและผืนป่าอนุรักษ์ที่เรา อ.ส.ท. อยากจะยกย่องให้เป็นสุดยอดของอีสานในด้านภูเขาและผืนป่าแห่งการอนุรักษ์





 3. สุดยอดสายน้ำฉ่ำเย็น แม่น้ำโขง ชี มูน

          แม่น้ำโขง  คือสุดยอดแม่น้ำของอีสาน ข้อนี้คงไม่มีใครจะปฏิเสธได้ แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำนานาชาติที่ไหลเข้าสู่ประเทศไทยครั้งแรกในภาคเหนือที่อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย เป็นระยะทางสั้นๆ ก่อนจะออกจากประเทสไทยที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเดียวกัน จากนั้นแม่น้ำโขงจึงไหลกลับเข้าสู่ประเทศไทยอีกครั้งในแผ่นดินอีสาน อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย จากเชียงคาน แม่น้ำโขงก่อให้เกิดหาดทราบ โขดหิน และเกาะแก่งที่สวยงามมากมายหลากหลาย โดยเฉพาะที่อำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย มีที่พักและรีสอร์ตมากหลายได้รับการจัดสร้างขึ้นไว้รองรับนักท่องเที่ยวผู้มาชมความสวยงามของแม่น้ำโขงที่นี่


          สะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 1 เป็นสะพานนานาชาติแห่งแรกที่พาดข้ามไปบนแม่น้ำสายนี้ เชื่อมมิตรภาพสองฝั่งโขง ร้อยใจลาว-ไทยน้องพี่เข้าด้วยกัน จากสะพานมิตรภาพๆ แม่น้ำโขงก็ขยายตัวกว้างใหญ่ ทอดผ่านเมืองสองฟากฝั่งที่ล้วนเป็นเมืองสำคัญของสองประเทส เช่น เมืองบึงกาฬ เมืองบอลิคัน เมืองนครพนม และเมืองท่าแขก จนมาพบกับสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 2 จังหวัดมุกดาหาร จากนั้นแม่น้ำโขงก็ไหลต่อลงไปผ่านเมืองเขมราฐ ก่อให้เกิดแก่งหินที่สวยงามขึ้นอีกหลายชุดก่อนจะไปสุดท้ายออกจากประเทสไทยที่อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี

          ระหว่างทางเดินของแม่น้ำโขงได้ก่อให้เกิดสิ่งดีๆ มากหลาย ประชาชนสองฟากฝั่งใช้แม่น้ำโขงเป็นแหล่งอาหาร แหล่งทำมาหากินด้านการเกษตรมากมาย ที่หน้าเมืองนครพนมและเมืองเวียงจันทน์เกิดเป็นหาดทรายกว้างใหญ่ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามของทั้งสองประเทศ งานเทศกาลประเพณีที่เกี่ยวข้องกัยการท่องเที่ยว เช่น ประเพณีแข่งเรือ ประเพณีไหลเรือไฟ และปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้น ก่อให้เกิดการทางท่องเที่ยวอย่างกว้างขวาง



          แม่น้ำมูน  เป็นแม่น้ำสายกว้างใหญ่และยาวที่สุดในอีสาน เกิดขึ้นจากแนวทิวเขาสันกำแพงบางส่วน และทิวเขาพนมดงรักอีกบางส่วน แม่น้ำมูนไหลลงไปกลายเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำโขง ตรงจุดที่แม่น้ำมูนไหลลงแม่น้ำโขงเรียกว่าแม่น้ำสองสี เมืองโขงเจียม

          ส่วน แม่น้ำชี ต้นกำเนิดคือแนวเทือกเขาเพชรบูรณ์ แล้วไหลผ่านไปยังที่ราบตอนกลางของภาคอีสาน จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร แล้วไหลมาลงยังแม่น้ำมูนที่จังหวัดอุบลราชธานี ต่อจากนั้นจึงรวมกันไหลลงแม่น้ำโขงที่ปากมูลอีกต่อหนึ่ง

          ถึงตรงนี้ อ.ส.ท. เราจึงฟันธงไปได้เลยว่า สุดยอดแห่งแม่น้ำอีสาน จะมีแม่น้ำไหนเกินแม่น้ำโขง บวกกับลำน้ำสาขา แม่น้ำมูน แม่น้ำชี เป็นไม่มี...ฟันธง






 4. สุดยอดความงามทุ่งดอกไม้ป่า

          ในบรรพาแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติหลากหลายประเภทในประเทศไทยนั้น ทุ่งดอกไม้ป่านับเป็นแหล่งท่องเที่ยวประเภทที่เที่ยวได้เที่ยวดี ใครๆ ก็ไปเที่ยวได้ ใครๆ ก็ชอบ แทบไม่มีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นอายุ เพศ วัย ความเก่งกล้าสามารถ หรือแม้กระทั่งความรอบรู้ของนักท่องเที่ยว

          ภาคอีสานมีทุ่งดอกไม้ป่าอันงดงามอยู่จำนวนไม่น้อย โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติต่างๆ ที่เป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ ทุ่งกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ ทุ่งดอกไม้ดินที่ป่าสมอปูน อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา-ปราจีนบุรี ทุ่งดอกไม้ดินที่ภูผาเทิบ จังหวัดมุกดาหาร กลุ่มดอกไม้ป่าบนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย กลุ่มดอกไม้ป่าบนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จังหวัดหนองคาย และทุ่งดอกไม้ดินที่อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบนราชธานี เป็นต้น

          นอกจากทุ่งดอกไม้ที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีนี้แล้ว ยังมีทุ่งดอกไม้ประเภทขึ้นเองตามหัวไร่ปลายนา และทุ่งดอกไม้ปลูกเพื่อเอาน้ำมันอีกบางชนิด ที่ในฤดูกาลก็สวยงามบานสะพรั่งน่าไปเที่ยวชมเป็นอย่างยิ่งอีกหลายประเภท เช่น ทุ่งดอกหญาบัว ดอกปอเทือง และทุ่งดอกทานตะวัน แถบรอยต่อจังหวัดเพชรบูรณ์และลพบุรี เป็นต้น



          และจากทั้งหมดนี้ อ.ส.ท. ขอฟันธงว่า ทุ่งกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ และ ทุ่งดอกไม้ดินบนลานหิน อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จังหวัดอุบนราชธานี มีความเป็นสุดยอดที่พอๆ กัน เนื่องเพราะบนลานดอกไม้ทั้งสองแห่งนั้น ล้วนมีการจัดการเพื่อการท่องเที่ยวเป็นอย่างดี การเข้าชมเป็นเระเบียบเรียบร้อย ขนาดของทุ่งดอกไม้เป็นพื้นที่กว้างใหญ่ เมื่อถึงฤดูกาลมีดอกไม้จำนวนมากผลิบานแน่นขนัด เที่ยวได้ไม่เบื่อ อยู่ในพื้นที่ที่มีความสะดวกในการเข้าถึงได้เป็นอย่างดี มีที่พักทั้งของภาครัฐและเอกชนบริการพร้อมพรั่ง อีกทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ รอรองรับนักท่องเที่ยวให้สามารถไปต่อยอดในที่อื่นๆ ได้อีก



 5. สุดยอดอีสานก่อนประวัติศาสตร์

          เหตุการณ์สนุกๆ อย่างเช่น การต่อสู้กันของไดโนเสาร์ที่เกิดขึ้นในช่วงก่อนประวัติศาสตร์ ซึ่งแบ่งออกเป็นยุคต่างๆ มีชื่อภาษาอังกฤษเรียกยากๆ นั้น เป็นเหตุการณ์ที่นำมาจำลองและจัดแสดงสาธิต เป็นการให้ความรู้ความบันเทิง และได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากมายจนกลายเป็นจุดเด่นหนึ่งของการท่องเที่ยวอีสานไปแล้ว

          ประวัติศาสตร์ของอีสานเริ่มขึ้นตั้งแต่ยุกก่อนประวัติศาสตร์ มีการค้นพบซากกระดูกของไดโนเสาร์หลากพันธุ์หลายตระกูล ทั้งชนิดเนื้อและกินพืช โดยเฉพาะในเขตภาคอีสานตอนกลาง อันเป็นพื้นที่แถบเทืองเขาภูพาน จังหวัดกาฬสินธุ์ สกลนคร ขอนแก่น นอกจากซากไดโนเสาร์ ยังมีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ภาพเขียนสีที่ผาแต้ม จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น



          จากยุคก่อนประวัติศาสตร์ก็คลี่คลายมาสู่ยุคแห่งตำนาน เรื่องราวของเมืองโบราณต่างๆ ที่ถูกทับซ้อนอยู่ด้วยเมืองสมัยใหม่ นิทานในประวัติศาสตร์อย่างอุสา-บารสท้าวปาจิตต์กับนางอรพิมพ์ และสังข์ศิลป์ไชย ล้วนแสดงให้เห็นถึงความเป็นบ้านเป็นเมืองในยุคก่อนของอีสาน ก่อนจะถึงช่วงแห่งการเผยแพร่เข้ามาของอารยธรรมขอม และมาสุดปลายทางที่การทิ้งร้างบ้านเมืองต่างๆ ออกไปด้วยเหตุผลที่ยังคงลี้ลับ ก่อนที่กลุ่มชนไทยลาวจะอพยพโยกย้ายกันข้ามแม่น้ำโขงเข้ามาอยู่อาศัยในแผ่นดินที่เคยเจริญรุ่งเรืองอยู่ก่อนหน้าแล้ว และพลิกฟื้นผืนแผ่นดินอีสานให้กลับเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง



          ความเป็นดินแดนแห่งไดโนเสาร์นับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญของการท่องเที่ยวอีสานทำให้เกิดพิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ขึ้นมากมายหลายแห่ง แต่ละแห่งมีการจัดแสดงที่ทันสมัยสวยงาม ถ้าจะเทียบกับการค้นพบภาพวาดที่ผาแต้ม หรือลวดลายหม้อไหบ้านเชียงนับว่ามีจุดเด่นกันคนละด้าน แต่กับนักท่องเที่ยวชาวไทย ยังนับว่าไดโนเสาร์ได้เปรียบกว่า เพราะฉะนั้น ไดโนเสาร์จึงเป็นสุดยอดที่เหนือกว่าเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ใดๆ ของอีสานครับ



 6. สุดยอดอลังการแห่งปราสาทหิน

          เขมรกับไทยมีความสัมพันธ์กันมาช้านาน มีเรื่องเล่าว่า ถ้าไม่มีเขมร คนไทยก็จะหายใจไม่ได้และเดินไปไหนไม่ถูก เพราะคำว่าจมูกและคำว่าเดินมาจากภาษาเขมร ดังนั้น การมีปราสาทหินอารยธรรมขอมมากมายในดินแดนไทยจึงนับเป็นเรื่องปรกติ ไม่มีอะไรแปลกประหลาด

          ปราสาทหินนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในอีสาน และมีจำนวนมากมาย ตั้งแต่ใต้สุดของจังหวัดอุบลราชธานี ไปจนถึงเหนือสุดที่พระธาตุนารายณ์เจงเวง จังหวัดสกลนคร ในบรรดาปราสาทหินอารยธรรมขอมจำนวนมากมายเหล่านี้ อาจจำแนกออกได้เป็นสิ่งก่อสร้าง 1 ประเภทใหญ่ๆ ด้วยกัน คือ ศาสนสถาน ธรรมศาลาหรือบ้านมีไฟที่สร้างไว้เพื่อเป็นที่พำนักของคนเดินทาง และอโรคยศาลาหรือโรงพยาบาล ที่มีแพทย์คือ พราหมณ์ผู้ประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ เป็นหมอ

          ปราสาทหินอันเป็นที่รู้จักในภาคอีสานและเป็นสุดยอดในด้านต่างๆ ตัวอย่างเช่น ปราสาทพนมรุ้ง ปราสาทหินทรายสีชมพูบนปากปล่องภูเขาไฟแห่งเมืองบุรีรัมย์ ปราสาทหินพิมาย ปราสาทที่เป็นดังตันแบบแห่งปราสาทหลายแห่งในเมืองเสียมเรียบ ปราสาทตาเมือน ที่มีทั้งอโรคยศาลาและธรรมศาลาครบครัน อยู่ใกล้ๆ ปราสาทหินพนมวัน ปราสาทสระกำแพงใหญ่ ปราสาทสระกำแพงน้อย และปราสาทศรีขรภูมิ เป็นต้น



          และถ้าจะให้ยกปราสาทใดเป็นปราสาทหินสุดยอดอีสาน อ.ส.ท. เราขอยกให้ปราสาทพนมรุ้งเป็นปราสาทหินสุดยอดอีสานของไทย เหตุผลก็คือ สุดยอดทั้งความสวยงามทางด้านศิลปะสถาปัตยกรรม ตลอดจนมีสภาพที่ตั้งที่โดดเด่นท้าทาย คือตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงตามคติจัตรวาล อีกทั้งตัวโบราณสถานก็ได้รับการบูรณะให้มีสภาพดี ให้นักท่องเที่ยวพอได้เห็นค้ารางแห่งความเจริญรุ่งเรืองในอดีต เป็นการเสริมจินตนาการในการเที่ยวชมได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น



 7. สุดยอดพระบรมธาตุงวดงามดังนิรมิต

          ไม่ว่าขอมจะเป็นเขมรหรือไม่ แต่ศาสนสถานของขอมก็สร้างขึ้นด้วยหิน ส่วนไทยและลาวเราสร้างวัดและเจดีย์ด้วยอิฐและปูน ดังนั้น ในอีสานนอกจากจะมีโบราณสถานกลุ่มปราสาทหิน อันแสดงให้เห็นถึงอารยธรรมขอมที่แผ่กว้างไปทั่วแล้ว อีสานก็ยังมีอารยธรรมไทยลาวที่แผ่ขยายออกไปจนเต็มที่เช่นเดียวกัน วัดและส่วนประกอบสำคัญของวัด คือเจดีย์ ที่ถูกเรียกเป็นภาษาอีสานว่าธาตุ มีมากมายหลายแห่งในอีสานโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเก่าแก่มาแต่โบราณกาล

          พระธาตุสำคัญของอีสานอันเป็นที่รู้จัก ได้แก่ พระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร พระธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุก่องข้าวน้อย จังหวัดยโสธร พระธาตุบังพวน จังหวัดหนองคาย พระธาตุศรีสองรัก จังหวัดเลย และพระธาตุยาคู จังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น

          ในจำนวนพระธาตุทั้งหลายแห่งนี้ ที่ถึงพร้อมด้วยความสวยงามของศิลปะอีสาน มีความใหญ่โตมโหฬารทรงคุณค่า อีกทั้งมีความสำคัยยิ่งทางจิตวิญญาณแล้ว ก็คงไม่มีธาตุแห่งไหนเกินองค์พระธาตุพนม ซึ่งไม่เพียงแต่พระธาตุพนมจะได้รับการเคารพนบนอบโดยคนไทยอีสานเราฝั่งนี้เท่านั้น แม้ในคราวงานนมัสการพระธาตุในทุกวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ชาวลาวจากอีกฟากฝั่งโขงก็ยังต่างพากันข้ามประเทศมาร่วมงานนมัสการองค์พระธาตุพนมนี้กันอย่างครึกครื้น



 8. สุดยอดชาวเผ่าอีสาน สีสันของผู้คนและวัฒนธรรมประเพณี

          คนอีสานนอกจากจะมีชาวอีสานลาว ซึ่งเป็นกลุ่มชนกลุ่มใหญ่ที่สุด เป็นเจ้าของวัฒนธรรมประเพณีซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคแล้ว อีสานก็ยังมีกลุ่มชนต่างๆ อีกหลากหลายกลุ่มด้วยกัน เช่น กลุ่มชาวผู้ไทยหรือไทยดำ กลุ่มชาวอีสานเขมร กลุ่มชาวส่วย กลุ่มชาวมอญเขมรโบราณ เช่น ชาวบนหรือญักุร ชาวข่าหรือขมุ กลุ่มชาวไทยย้อ กลุ่มชาวไทยกระโส้ ตลอดจนกลุ่มชาวไทยโคราช เป็นต้น

          กลุ่มชาวไทยต่างๆ เหล่านี้แหละ ที่เป็นสีสันและเป็นเจ้าของกิจกรรมทางวัฒนธรรมประเพณีในแง่มุมต่าง ๆ  ทั้งงานศิลปหัตถกรรม อาหาร ภาษา บทเพลง บทกวีต่างๆ อีกมากมายหลากหลาย ในแต่ละชาวเผ่าต่างก็มีรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเองโดยเฉพาะ และใช้รูปแบบกลางๆ ที่เป็นของภูมิภาคอีสานร่วมกัน ตัวอย่างเช่น ในแทบทุกชนเผ่าในภาคอีสานต่างก็มีประเพณีบายศรีสู่ขวัญเป็นประเพณีร่วมกัน แต่รายละเอียดในพิธีกรรมจะแตกต่างกันไปในแต่ละชนเผ่า ตัวอย่างเช่น การต้อนรับแขกเหรื่อด้วยการดวลเหล้าจากไห ชาวลาวทั่วไปจะใช้คำเรียกว่าดูดอุ แต่ชาวผู้ไทยจะเรียกว่าชนช้าง เป็นต้น และอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ บทเพลงหรือบทกวีของชาวผู้ไทยที่มีแนวทางฉันทลักษณ์และทำนองเป็นของตนเอง แต่ภาษาที่ใช้ในเพลงก็อาจจะใช้ภาษาที่ไม่เฉพาะเจาะจง อาจจะเป็นภาษาผู้ไทยหรือไทยอีสานรวมๆ กันไปก็ได้

          และชาวเผ่าที่เรา อ.ส.ท. ขอยกย่องให้เป็นสุดยอดของอีสาน นอกจากชาวไทยลาวที่มีจำนวนมากที่สุด มีทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพื้นฐานสำคัญของวัฒนธรรมประเพณีอีสานแล้ว ชาวผู้ไทยและชาวไทยเขมรต่างก็มีบทบาทและมีวัฒนธรรมประเพณีวิถีชีวิตที่เป็นตัวของตัวเอง เป็นสีสันที่ช่วยกันทำให้อีสานเป็นแผ่นดินแห่งความเจิดจ้าและร่ำรวยด้วยทรัพยากรแห่งศิลปวัฒนธรรมโดดเด่นมานับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

          ท้ายที่สุดของสุดท้ายแห่งอีสานคลาสสิก และ 8 สุดยอดที่ราบสูงอีสานนี้ เรา อ.ส.ท. ขอสงวนสิทธิ์ว่าเรื่องราวที่กล่าวถึงมาทั้งหมดนี้ มิใช่การลงคะแนนเสียงจากผู้อ่านเหมือนกับที่นิตยสาร Travel+Leisure ลงคะแนนให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ดีที่สุดในการเดินทางมาท่องเที่ยว หรือมิได้เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์และโบราณคดีใดๆ แต่ทั้งหมดที่กล่าวถึงนี้ เป็นเพียงประสบการณ์จากการเดินทางท่องเที่ยวหลายครังหลายหนนานนับได้หลายสิบปีของชาว อ.ส.อ. เราทั้งนั้น





ที่มา  http://travel.kapook.com/view2525.html

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ท่องเที่ยวเมืองไทย.. อุทยานพระพิฆเณศ จ.นครนายก



อุทยานพระพิฆเณศ


คาถาบูชาพระพิฆเณศ

"โอมศรี  คเณศายะ  นะมะฮา"

 กำเนิดพระพิฆเณศ  

พระพิฆเณศ  เป็นมหาเทพฮินดูที่มีผู้คนเคารพนับถือมาก ท่านผู้นี้เป็นโอรสของพระศิวะ (พระอิศวร) และพระแม่เจ้าอุมาเทวี ท่านมีเศียรเป็นช้างมีงาข้างเดียว หูยานมี 4 มือ ถือบ่วง ขอช้างวัชระ และศูล บางคราวก็ถือ จักร สังข์ คฑา และดอกบัว



พระพิฆเณศ เป็นเจ้าแห่งปัญญาได้แต่งคำภีร์อันเป็นคำสอนของพระศิวะผู้เป็นบิดาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรียกว่าไศวศาสตร์แปลว่าตำราพระศิวะ ซึ่งคนไทยเรียกตำรานี้ว่าไสยศาสตร์พระพิฆเณศผิดกับเทพองค์อื่นๆ ตรงที่ท่านเป็นพระผุ้เป็นเจ้าที่อารมณ์ดีมีเศียรเป็นช้างร่างกายเหมือนทารกอ้วนที่น่ารักมีหนูเป็นพาหนะ ชอบร้องรำทำเพลง

บทบาทที่สำคัญของพระพิฆเณศ 
"เป็นเจ้าแห่งปัญญา" และ "เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ"

ประวัติการกำเนิดของพระพิฆเณศ มีหลายตำนานแต่ที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้มาจากหนังสือท่องแดนสวรรค์ เรียบเรียงโดยอาจารย์อังคาร ปัญญาศิลป์ ได้เขียนไว้ว่า

"ด้วยพระนางอุมาได้สร้างเทพบุตร(ต่อมาคือพระพิฆเณศ) จากคราบไคลของพระนาง  เมื่อสร้างขึ้นมาแล้วก็มีบัญชาให้บุตรนั้นเฝ้าพระทวารไว้ไม่ให้ผู้ชายใดเข้ามาในห้อง  เมื่อพระอิศวรเสด็จกลับมาจากบำเพ็ญพรต ณ หิมาลัย  ก็พบเด็กซึ่งพระอุมาสร้างขึ้น  เด็กนั้นห้ามไม่ให้เข้าไปหาพระอุมาจึงเกิดการสู้รบจนเศียรขาดสิ้นชีวิตไป (บางตำนานเล่าว่าสู้รบกับยักษ์ปรสุ) ในที่สุดก็ไปได้เศียรช้างมาต่อให้ฟื้นชีพแล้ว พระอิศวรก็รับพระพิฆเณศ ที่มีหัวช้างเป็นบุตรของพระองค์"

พระพิฆเณศ เป็นเทพผู้ประสานโชคลาภและขจัดอุปสรรคต่างๆ ท่านเป็นที่นับถือของคนทุกวรรณะไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ คนยากจน คนมีบุญ คนบาป คนต่ำต้อย จนถึงคนวรรณะสูง และเป็นเคารพนับถือของนักปราชญ์อีกด้วย



เราสามารถกราบไหว้พระพิฆเณศได้ด้วยตนเอง  โดยถวายดอกไม้ ผลไม้ กล้วย อ้อย และขนมหวานทุกชนิด รวมทั้งนมด้วย



ท้ายนี้ขอเชิญชวนศาสนิกชนทุกศาสนาขอให้มุ่งมั่นทำแต่ความดีและจำไว้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงและขอให้มีศรัทธาและความเคารพศาสนาทุกศาสนาเพราะว่าจุดมุ่งหมายของศาสดาของทุกศาสนา นั้นอยู่ที่เดียวกันคือ "ขอให้ทุคนประพฤติแต่ความดี ซึ่งก็จะตอบสนองแก่ทุกท่านด้วยสิ่งดีงามเช่นเดียวกัน"

สำหรับประเพณีไหว้ครูของไทยเรา ในสมัยโบราณจวบจนปัจจุบัน จะใช้หญ้าแพรกประกอบในพิธีเพราะได้คติมาจากพราหมณ์ที่อินเดียซึ่งใช้หญ้าแพรกบูชาพระคเณศเพราะหญ้าแพรกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์สามารถขจัดได้แม้แต่ฝันร้ายพระนลซึ่งต้องสูญเสียราชสมบัติได้รับความลำบากอย่างเหลือแสนและภายหลังได้ราชบัลลังก์กลับคืนมาก็เพราะบูชา พระคเณศ มีเรื่องเล่าว่าในวันบูชาพระคเณศนั้น มีพรานคนหนึ่งชื่อภีมะ ได้เข้าป่าล่าสัตว์ ปีศาจตนหนึ่งเห็นเข้าก็ไล่ตามไป ภีมะหนีขึ้นไปบนต้นสมี ปีศาจก็ป่ายปีนขึ้นไปจะจับในขณะที่ลนลานหนีปีศาจนั้นเอง  นายพรานได้ทำใบสมีสองสามใบหลุดล่วงลงไป ถูกรูปพระคเณศที่ประดิษฐานอยู่โคนต้นสมีนั้น  และด้วยอนิสงส์อันนี้เองทำให้ปีศาจ และภีมะหลุดพ้นจากการจองเวรกัน

เทศกาลการบูชาพระคเณศนั้นเป็นเทศกาลที่ได้รับการปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันก็ได้รับการปฏิบัติอยู่เรื่อยๆมา

 พระเดชพระคุณพระราชพิพัฒน์โกศล  เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามวรวิหาร  แขวงบางขุนนนท์  เขตบางกอกน้อย  กรุงเทพมหานคร  พร้อมด้วยคณะศิษย์ที่มีความเคารพนับถือในองค์ พระพิฆเณศ (เทพเจ้าแห่งปัญญาและความสำเร็จ) ได้ดำเนินการจัดสร้างอุทยานพระพิฆเณศองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย  และอาคารพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมองค์พระพิฆเณศจำนวน 108 ปาง ที่ครบสมบูรณ์อีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย 

 หากผู้สนใจท่านใดต้องการเยี่ยมชม อุทยานพระพิฆเณศ ไม่ว่าจะเดินทางส่วนตัวหรือหมู่คณะ  ก็ขอเชิญได้ที่

อุทยานพระพิฆเณศ   

หมู่ที่ 11 ถนนนครนายก-น้ำตกสาริกา ( สี่แยกประชาเกษม )   ตำบลสาริกา   อำเภอเมือง   จังหวัดนครนายก    โทร 081-9066974




ท่องเที่ยวเมืองไทย.. 10 แหล่งสถานที่ท่องเที่ยว ช่วงฤดูฝน

ใครว่า….หน้าฝนต้องนั่งกร่อย ได้แค่มองแต่หน้าต่าง หากแต่ใต้ผืนฟ้าช่วงหน้าฝนมีเรื่องมหัศจรรย์ให้นักท่องเที่ยวได้ค้นหาอีกเยอะ


ใครจะรู้ว่าบ้างว่าหลังจากเม็ดฝนที่โปรยปรายจะเนรมิตเสน่ห์ความสดชื่น ของท้องฟ้า สายน้ำ ผืนป่า และพืชพรรณ ให้สวยงามได้ขนาดนี้ ฟ้าฝนไม่ใช่อุปสรรคสำคัญ สำหรับการก้าวเดินของเหล่าบรรดาผู้ที่หลงรักการท่องเที่ยว เพราะในทุกฤดูฝน ความงามที่แตกต่างของธรรมชาติจะปรากฎให้เห็นในมุมมองใหม่ที่สดชื่นกว่าเดิม สามารถเรียกพลังความสดใสกลับมา




เริ่มจากการเดินทางระยะไกลๆ กันที่ 1 จังหวัดนครศรีธรรมราช มีโปรแกรม “เที่ยวป่าและน้ำตกกรุงชิง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง จ. นครศรีธรรมราช ที่ถือว่ามีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติสูงมากเป็นป่าดิบชื้นที่แน่นทึบตั้งแต่ราบต่ำถึงเชิงเขา ทำให้ที่นี่นับเป็นแหล่งดูนกที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “สวรรค์ของนกแดนใต้” ขณะที่น้ำตกกรุงชิงเอง ไม่น้อยหน้า เพราะมีความสูงถึง 7 ชั้น และความงามที่แตกต่างในแต่ละชั้นให้ได้ประหลาดใจ




ขึ้นมาภาคเหนือภูมิใจเสนอ  2 โปรแกรมเที่ยว ป่าเพชรบูรณ์  อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ซึ่งความแปลกตาของป่าผืนนี้คือ ป่าสน ที่อายุไม่ต่ำกว่า 100 ปี ทำให้ต้นสนที่นี่สูงลิบตา 30-40 เมตรตระหง่านเรียงรายตัดกับพื้นหญ้าเขียวขจีบนภูเขาเพชรบูรณ์ที่สลับซับซ้อน ผสมกับอากาศหนาวเย็นปกคลุมตลอดปี เย้ายวนให้นักท่องเที่ยวเร่งฝีเท้าเข้ารับความสดชื่นในป่าผืนนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก



ก่อนเดินทางไปที่ จุดหมายที่ 3 อำเภอเชียงดาวจังหวัดเชียงใหม่ มีอะไรมากกว่าที่คิด เพราะที่นี่ อุทยานแห่งชาติเชียงดาวและดอยผาแดง ซึ่งเป็นต้นน้ำของแม่น้ำปิงและแม่แตง มีความอุดมสมบูรณ์ของป่ามากแห่งหนึ่งของภาคเหนือ โดยมีทิวทัศน์ที่สวยงามบนยอดดอยเป็นเป้าหมายที่ท้าทายสำหรับภาระกิจการเดินทางเที่ยวป่าครั้งนี้



หากต้องการสถานที่สำหรับครอบครัว 4 อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ครอบคลุม 4 จังหวัด คือ จังหวัดสระบุรี จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดปราจีนบุรี และจังหวัดนครนายก ยังเป็นคำตอบที่ดีด้วย สมญานามแห่งการเป็นอุทยานมรดกของกลุ่มประเทศอาเซียน ทำให้ที่นี่แม้เป็นฤดูฝน แต่สภาพ่ก็ชุ่มฉ่ำ ป่าไม้ทุ่งหญ้าเขียวขจีสดสวย น้ำตกทุกแห่งไหลแรงส่งเสียงดังก้องป่า ให้ชีวิตชีวาแก่ผู้ไปเยือน



สถานที่แห่งที่ 5 ขอแนะนำ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ตั้งครอบคลุมพื้นที่รอยต่อของสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก ซึ่งในหน้าฝนนั้นเส้นทางที่เดินไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆทั้งลานหินปุ่ม ผาชูธง หรือลานหินแตก ปรากฎความเขียวชะอุ่มของมอสสีเขียวสดตัดกับแนวพื้นหิน และทิวป่า 3 ประเภททั้ง  ป่าเต็งรัง ป่าดิบเขา และป่าสนเขาที่ถ่ายทอดความสุนทรีย์ของวอลล์เปเปอร์ธรรมชาติได้ต่างกัน



ใครอยากได้ความเร้าใจกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ จุดหมายที่ 6 โปรแกรม ล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่จังหวัดพิษณุโลก การันตีได้ถึงความมันส์ เพราะความท้าทายในการล่องแก่งช่วงกลางของลำน้ำแห่งนี้ ถือว่ามีระดับความยากสูง ระดับ 5 ของการล่องแก่งอันดับต้น ๆ ของสายน้ำในประเทศไทย



หากยังต้องการเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นจากกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงผจญภัย แหล่งที่ 7  ขอแนะนำลำน้ำที่เชี่ยวกรากอีกที่อย่าง “แก่งหินเพิง” จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งกิจกรรมล่องแก่งจะเริ่มต้นขึ้นในทุกช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี หรือช่วงหน้าน้ำที่จะช่วยเติมเต็มความสนุกสนามจากการล่องแก่งได้มากที่สุด ระยะทางการล่องแก่งที่นี่ยาว 2.5 กิโลเมตรและมีระดับความยากถึงระดับ 5 เช่นกัน



สถานที่แห่งที่ 8 เป็นการผสมผสานระหว่างความท้าทายเหนือสายน้ำ และทิวทัศน์บรรยากาศธรรมชาติที่ถูกสร้างสรรค์อย่างสวยงาม นั่นคือ วังตะไคร้ จังหวัดนครนายก ที่นี่นอกจาก น้ำตกจำลอง สวนไม้ดอกคุณท่าน และสระปทุมแล้ว ในฤดูฝนหลากการล่องแก่งห่วงยาง หรือแก่งแพยาง หรือจะเป็นกิจกรรมที่รอให้หลายๆคนฝ่าฝนออกมาค้นหา



2 สถานที่สุดท้ายในผืนแผ่นดินใกล้ๆกัน ที่จังหวัดตาก นักท่องเที่ยวสามารถ เริ่มต้นท่องเที่ยวจากแห่งที่ 9 เมืองอุ้มผาง ที่มีผืนป่าบริสุทธิ์ ไว้ให้ทอดน่องยลทัศนียภาพและอากาศบริสุทธิ์ของป่า หรือจะเลือกการนั่งช้างมองมุมสูง แวะสัมผัสกระแสน้ำตกสายที่กระเซ็นสดชื่น

image

หลังจากนั้นยังสามารถออกเดินทางออกจากอุ้มผสู่จุดหมายสุดท้ายที่ 10  ทีลอซู ด้วยการล่องแพ เมื่อใช้แพยางหรือไม้ไผ่ลัดเลาะสารพันแก่งสู้สายน้ำ ไปถึงน้ำตกทีลอซู ก็สุดจะคุ้มค่าแล้ว กับความงามของหนึ่งในน้ำตกที่ยิ่งใหญ่ด้วยความสูง 300 เมตร

สำหรับคนที่ตกลงปลงใจเก็บกระเป๋าย่ำเท้าเที่ยวหน้าในฝนนี้ คงต้องมองหาความปลอดภัยโดยการศึกษาข้อมูลสภาพฟ้าฝนและการเดินทางก่อนนะคะ เพราะบ่อยครั้งน้ำมากเกินไป หรือฝนตกหนักจนดินถล่มก็อาจเป็นอุปสรรคและอันตรายต่อการเดินทางได้



ทีมา  http://www.tlcthai.com/travel/5655

ท่องเที่ยเมืองไทย.. นายกฯประชุมปฎิบัติการบูมท่องเที่ยวไทย



ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=7KNwmj0M-Zo

ท่องเที่ยวเมืองไทย.. เที่ยวงาน บุญบั้งไฟกระนวน 55


เยือนงานบุญบั้งไฟ ไหว้พระธาตุอีสาน ๔ เมืองรุ่งเรืองตลอดชีวิตที่ใจกลางอีสาน



            
            นายนพรัตน์ กอกหวาน ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานขอนแก่น เปิดเผยว่า ช่วงเดือน พฤษภาคม - มิถุนายน ของทุกปีในภาคอีสาน คือช่วงเวลาเริ่มต้นของฤดูกาลแห่งการเพาะปลูกและประเพณีอันเก่าแก่ของชาวอีสาน “งานบุญบั้งไฟ” หรือ “งานบุญเดือนหก” งานบุญพื้นบ้านที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต ความเชื่อ และเต็มไปด้วยความรื่นเริงสนุกสนานของชาวอีสาน จัดขึ้นเพื่อเป็นการบูชา “พญาแถน” เทพเจ้าแห่งฝน ตามตำนานเรื่องราวระหว่างพญาคันคากและพญาแถน ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารอุดมสมบูรณ์ ภายในงานบุญบั้งไฟมีกิจกรรมหลักที่ไม่ควรพลาด คือ การเซิ้งบั้งไฟ การแห่บั้งไฟเอ้หรือบั้งไฟที่มีการประดับตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม และการจุดบั้งไฟ โดยในพื้นที่ใจกลางภาคอีสาน มีงานประเพณีบุญบั้งไฟที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี ดังนี้ ๑. งานบุญบั้งไฟเมืองกระนวน อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น วันที่ ๒๖ - ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกระนวน ๒. งานบุญบั้งไฟเมืองพยัคฆภูมิพิสัย อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม วันที่ ๑๘ - ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย ๓. งานบุญบั้งไฟเมืองสุวรรณภูมิ อำเภอสุวรรณภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ ๒ - ๓ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวเซียง ๔. งานบุญบั้งไฟเมืองพนมไพร อำเภอพนมไพร จังหวัดร้อยเอ็ด วันที่ ๔ - ๕ มิถุนายน ๒๕๕๕ ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอพนมไพร ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากผู้มาเยือนจะได้สัมผัสกับประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันโดดเด่นของชาวอีสานแล้ว ยังสามารถเติมคุณค่าการเดินทางด้วยการสักการะนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รับอานิสงส์เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต ในเส้นทาง “ไหว้พระธาตุอีสาน ๔ เมือง รุ่งเรืองตลอดชีวิต” เส้นทางท่องเที่ยวจาริกแสวงบุญใน ๕ พระธาตุ ๔ จังหวัด ดังนี้ วัดพระธาตุขามแก่น จ.ขอนแก่น อานิสงส์ เรื่องร้ายกลายเป็นดี โรคภัยที่มีหลีกลี้ห่างหาย พระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง จ.ขอนแก่น อานิสงส์ก้าวหน้ารุ่งเรือง พระมหาเจดีย์ชัยมงคล จ.ร้อยเอ็ด อานิสงส์เสริมส่งมงคล ท่วมท้นชัยชนะ พระธาตุนาดูน จ.มหาสารคาม อานิสงส์เพิ่มพูนบารมี และพระธาตุยาคู จ.กาฬสินธุ์ อานิสงส์ชีวิตเบิกบาน สมบูรณ์พูนสุข ททท. สำนักงานขอนแก่นจึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมสัมผัสกับวิถีชีวิต และความเชื่อภายใต้ประเพณีเก่าแก่ของชาวอีสานใน ๔ งานบุญบั้งไฟ ณ ใจกลางอีสาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.สำนักงานขอนแก่น โทร. ๐ ๔๓๒๔ ๔๔๙๘-๙ ทุกวันในเวลาราชการ และ www.facebook.com/TAT.KhonkaenOffice


ท่องเที่ยวเมืองไทย.. สวนผึ้ง ราชบุรี เมืองมนต์เสน่ห์แห่งขุนเขา





สวนผึ้ง ราชบุรี

ท่องเที่ยวสุขใจพบได้ที่ สวนผึ้ง จ.ราชบุรี 

          สวนผึ้ง เป็นอำเภอหนึ่งของ จังหวัดราชบุรี ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เพราะมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ ทั้งป่าไม้ ภูเขา และน้ำตก พื้นที่ส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบสูง ภูมิประเทศของสวนผึ้งนั้นขนาบด้วยเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งเป็นพรมแดนทางตะวันตกกั้นระหว่างประเทศไทยกับพม่า การเดินทางสะดวก ใช้เวลาเดินทางเพียง 2 ชั่วโมงกว่า ๆ จากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว  

          สถาน ที่ท่องเที่ยวมีความหลากหลาย ทั้งจากธรรมชาติสร้างและฝีมือมนุษย์รังสรรค์ ที่สำคัญมาเที่ยวกันได้ตลอดทั้งปีโดยเฉพาะหน้าหนาวอากาศจะดีมาก ๆ บ้างก็ว่าเหมือนกับอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน บ้างก็ว่าเหมือนประเทศนิวซีแลนด์ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจก็มีอยู่มากมายหลายแห่ง ดังนี้...



บ้านเทียนหอม สวนผึ้ง ราชบุรี

บ้านเทียนหอม

          เมื่อออกมาจากโป่งยุบตรงมาเรื่อย ๆ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 33 เราก็จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่อบอวลไปด้วยความหอมละมุนไปทั่วสถานที่ ด้านหน้ามีร้านเสื้อเพ้นท์สดลวดลายสวยงามน่ารัก ใส่แล้วไม่ซ้ำใครแน่นอนเพราะเค้าเพ้นท์มาแบบละตัวเท่านั้น พื้นที่กว้างขว้างมีมุมน่ารัก ๆ ให้โพสต์ท่าถ่ายรูปกันอยู่หลายจุด บริเวณภายในร้านจะจุดเทียนหอมและเปิดเพลงเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศในการเดินเล่ นให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี มีการนำของสะสมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตมาจัดวาง เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้เราได้ย้อนนึกถึงวันวานกันอีกด้วย 

          เทียนที่นี่จะเป็นเทียนคุณภาพดีเกรดเอ เพราะเค้านำเขาวัสดุมาจากต่างประเทศ เช่น สีจากเยอรมัน น้ำหอมจากฝรั่งเศส ไส้เทียนจากไต้หวัน และพาราฟินจากประเทศจีน มีร้านอาหารและร้านกาแฟสดให้บริการ สถานที่สังเกตเห็นง่ายเพราะอยู่ติดกับถนนสายหลักอยู่ทางด้านขวามือ เปิดบริการทุกวัน
เวลา 7.00 - 18.00 น. 




โป่งยุบ สวนผึ้ง ราชบุรี

โป่งยุบ

          เป็นการยุบตัวของพื้นดินที่มีลักษณะเป็นหลุม มีความลึกประมาณ 3-5 เมตร ต้องเดินด้วยความระมัดระวังเพราะบางจุดนั้นลึกมากๆ เหมือนกับเป็นเหวขนาดย่อมๆ เลยก็ว่าได้ เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่หาชมได้ยาก การเกิดขึ้นของโป่งยุบ สันนิฐานว่าเกิดจากการกัดเซาะของน้ำ ทำให้แผ่นดินยุบตัวลงแล้วกลายเป็นหน้าผาสูงชัน กินเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นพื้นที่ของเอกชน คิดค่าใช้จ่ายในการเข้าชมตั้งแต่ 40 – 400 บาทแล้วแต่จำนวนคนและขนาดของรถ สอบถามรายละเอียด 
โทรศัพท์ 08-1255-7500 



ธารน้ำร้อนบ่อคลึง สวนผึ้ง ราชบุรี

 ธารน้ำร้อนบ่อคลึง

          ตรงขึ้นไปจากซีนเนอร์รี่ฯ เจอสามแยกให้เลี้ยวขวาแล้วขับรถตรงขึ้นไปอีก สังเกตซ้ายมือจะมีป้ายธารน้ำร้อนบ่อคลึง ลักษณะเป็นลำธารเล็ก ๆ มีน้ำไหลซึมออกมาจากตาน้ำใต้ดินไม่ขาดสาย ถ้าขึ้นไปดูที่ต้นน้ำจะพบก้อนหินใหญ่เล็กเรียงลายไปมา ดูสวยงามตามธรรมชาติ มีต้นกำเนิดมาจากเทือกเขาตะนาวศรี มีน้ำไหลตลอดปี อุณหภูมิของน้ำจะประมาณ 65 องศาเซลเซียส ไม่ร้อนมากพอที่จะต้มไข่สุกได้ 

          บริเวณต้นน้ำจะมีบ่อแยกเก็บน้ำไว้ให้ชาวบ้านดื่ม-กิน จากบ่อดินด้านล่างสามารถเดินไปที่ต้นธารน้ำร้อนประมาณ 150 เมตร ธารน้ำร้อนบ่อคลึงเป็นสถานที่ของเอกชน ผู้ค้นพบ คือ นายประยูร โมนยะ เปิดบริการวันจันทร์-ศุกร์ เปิดตั้งแต่เวลา 08.00–17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00–18.00 น. ค่าผ่านประตู 5 บาทต่อท่าน  ค่าอาบน้ำแร่บ่อกลางแจ้งคนละ 20 บาท สระกระเบื้องคนละ 50 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทรศัพท์ 0-327- 1086



บ้านเทียนหอม สวนผึ้ง ราชบุรี

 บ้านเทียนหอม

          เมื่อออกมาจากโป่งยุบตรงมาเรื่อย ๆ ถึงหลักกิโลเมตรที่ 33 เราก็จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยว ที่อบอวลไปด้วยความหอมละมุนไปทั่วสถานที่ ด้านหน้ามีร้านเสื้อเพ้นท์สดลวดลายสวยงามน่ารัก ใส่แล้วไม่ซ้ำใครแน่นอนเพราะเค้าเพ้นท์มาแบบละตัวเท่านั้น พื้นที่กว้างขว้างมีมุมน่ารัก ๆ ให้โพสต์ท่าถ่ายรูปกันอยู่หลายจุด บริเวณภายในร้านจะจุดเทียนหอมและเปิดเพลงเบา ๆ เพื่อสร้างบรรยากาศในการเดินเล่ นให้ความรู้สึกถึงการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี มีการนำของสะสมข้าวของเครื่องใช้ในอดีตมาจัดวาง เพื่อเพิ่มเสน่ห์ให้เราได้ย้อนนึกถึงวันวานกันอีกด้วย 

          เทียนที่นี่จะเป็นเทียนคุณภาพดีเกรดเอ เพราะเค้านำเขาวัสดุมาจากต่างประเทศ เช่น สีจากเยอรมัน น้ำหอมจากฝรั่งเศส ไส้เทียนจากไต้หวัน และพาราฟินจากประเทศจีน มีร้านอาหารและร้านกาแฟสดให้บริการ สถานที่สังเกตเห็นง่ายเพราะอยู่ติดกับถนนสายหลักอยู่ทางด้านขวามือ เปิดบริการทุกวันเวลา 7.00 - 18.00 น. 





The Scenery Resort & Farm สวนผึ้ง ราชบุรี

 The Scenery Resort & Farm

          ขับตรงขึ้นไปจากบ้านหอมเทียน จะเจอสามแยกให้เบี่ยงออกไปทางซ้ายแยกภูผาผึ้งรีสอร์ท ขับตรงไปอีกประมาณ 5 กิโลเมตร เราก็จะได้พบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นเอกลักษณ์ เป็นที่ที่ทำให้คนรู้จักสวนผึ้งกันอย่างแพร่หลาย The Scenery Resort & Farm รีสอร์ทสวย ที่มีสนามหญ้าเขียวสด ลายล้อมด้วยภูเขาสลับซับซ้อนและฝูงแกะสีขาวหลายสิบตัว ที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างน่ารัก  

          แน่นอน! กิจกรรมที่พลาดไม่ได้คือ การให้อาหารแกะรวมถึงการถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับน้องแกะนั่นเอง นอกจากนี้ ยังมีมุมสวย ๆ ที่ทางรีสอร์ทได้เซ็ทอัพขึ้นเพื่อให้ได้ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน แกะที่นี่จะเป็นพันธุ์ผสมชื่อว่า พันธ์คาทาดิน ซึ่งมีความทนต่อสภาพภูมิอากาศ เสียค่าเข้าชมท่านละ 40 บาท จะได้รับหญ้าเนเปียสำหรับเลี้ยงแกะ 1 กำ แต่ถ้าหากไม่พอก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคากำละ 20 บาท ด้านหน้าจะเป็นที่ตั้งของร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหาร
 เปิดให้บริการทุกวัน : วันจันทร์-ศุกร์ 10.00-18.00 น. / เสาร์-อาทิตย์ 9.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ 08-5488-9905 หรือ www.sceneryresort.com


 นอก จากสถานที่ท่องเที่ยวที่ต่าง ๆ เราได้กล่าวมาแล้ว เสน่ห์ที่สร้างความประทับใจในการท่องเที่ยวทริปนี้ของเรา ที่ไม่ต้องซื้อหาแต่อย่างใด นั่นคือ บรรยากาศอันแสนสวยงามของธรรมชาติของสองข้างทาง ถนนที่โค้งลดเลี้ยวเห็นวิวภูเขาสลับไปมา เป็นดั่งภาพวาดในฝันที่บรรยายไม่ถูก หากแต่คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวคุณเองเท่านั้น...!

การเดินทาง

          •   โดยรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ มี 2 เส้นทาง

          1. เส้นนครชัยศรี (ถนนเพชรเกษม) หรือทางพุทธมณฑล  เลี้ยวซ้าย เข้า อ.เมือง ราชบุรี ผ่าน อ.โพธาราม ตามทางหลวงหมายเลข 4 เลี้ยวขวา แถวเขางู ผ่าน อ.จอมบึง ตามทางหลวง 3087 และ อ.สวนผึ้ง

          2. เส้น ธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ทางหลวงหมายเลข 35 ผ่าน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยว ขวาเข้า อ.ปากท่อ ผ่าน อ.เมือง ราชบุรี ผ่านเขาแก่นจันทร์ แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวง 3208 เข้า อ.สวนผึ้ง

          •   รถประจำทาง

          ท่านสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยท่านสามารถขึ้นรถตู้จากโรงแรมรัตนโกสินตร์ มาลงที่วิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง หรือสามารถขึ้นรถที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ขึ้นรถทัวร์ปรับอากาศ ชั้น 1 มาลงที่อำเภอจอมบึง จังหวัดราชบุรี หลังจากที่ท่านมาถึงที่อำเภอจอมบึงแล้วนั้น ท่านสามารถนั่งรถโดยสารต่อมายังอำเภอสวนผึ้ง โดยรถประจำทางสายจอมบึง - สวนผึ้ง (คันสีน้ำเงิน) ท่านสามารถนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง จากตลาดอำเภอสวนผึ้ง




ทองเที่ยวเมืองไทย... เก็บตกสงกรานต์เรณูนคร ปี 2555




ที่มา http://www.youtube.com/watch?v=mOjTBZP7L3s

ท่องเทียวเมืองไทย.. วัดพระธาตุลำปางหลวง


         • วัดพระธาตุลำปางหลวง เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองลำปางมาแต่โบราณ ตามตำนานกล่าวว่ามีมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี ในราวพุทธศตวรรษที่ 20 ตอนปลาย เป็นวัดไม้ที่สมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย งดงามด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่มากมาย

         • พระธาตุลำปางหลวง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ด้วยเริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลู เช่นกัน ฐานเป็นบัวลูกแก้ว ส่วนองค์เป็นทรงกลมแบบล้านนาภายนอก บุด้วยทองจังโก ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ มีลายสลักดุนเป็นลวดลายประจำยามแบบต่างๆ ลักษณะเจดีย์แบบนี้ได้ส่งอิทธิพลให้พระธาตุหริภุญไชย และพระบรมธาตุจอมทอง ภายในองค์พระเจดีย์บรรจุพระเกศา และพระ อัฐิธาตุจากพระนลาฎข้างขวา พระศอด้านหน้าและด้านหลัง ที่รั้วทองเหลืองรอบองค์พระธาตุมีรูกระสุนปืนที่หนานทิพย์ช้างยิงท้าวมหายศปรากฏอยู่

         • วิหารหลวง วิหารขนาดใหญ่ที่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2019 โดยเจ้าหมื่นคำเป๊ก ภายในมีซุ้มปราสาททองเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ด้านหลังเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้า ทันใจ บนแผงไม้คอสองมีภาพจิตรกรรมเก่าแก่งดงามเรื่องทศชาติและพรหมจักร

         • วิหารพระพุทธ ไม่ปรากฏว่าสร้างเมื่อใด และใครเป็นผู้สร้าง แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี เดิมเป็นวิหารเปิดโล่งหน้าบันเป็นลายดอกไม้ติดกระจกสี ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่เต็มอาคาร ก่ออิฐถือปูน ศิลปะเชียงแสน และยังปรากฏเงาพระธาตุภายในวิหารอีกด้วย 

         • วิหารน้ำแต้ม หรือวิหารภาพเขียนสี (“แต้ม” แปลว่า ภาพเขียน) สร้างเมื่อ พ.ศ.2044 เป็นวิหารเปิดโล่งที่เก่าแก่ที่สุดอีกหลังหนึ่งทางภาคเหนือ ภายในเป็นรูปแบบของสถาปัตยกรรมไทยที่งดงาม ไม่มีฝ้าเพดาน กำแพงด้านพระประธานเขียนภาพลายทองบนพื้นรักแดง มีภาพจิตรกรรมศิลปะล้านนาบนแผงไม้คอสองที่กล่าวกันว่าเก่าแก่ที่สุด และหลงเหลือเพียงแห่งเดียวในเมืองไทย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 21 ลงมา แต่ปัจจุบันภาพเขียนลบเลือนไปมาก และประดิษฐานพระพุทธรูปสัมริดปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 1.25 เมตร สูง 1.25 เมตร

         •  ซุ้มพระบาท สร้างครอบพระพุทธบาทไว้ ฐานก่อขึ้นเป็นชั้นคล้ายฐานเจดีย์ สร้างเมื่อ พ.ศ. 1992 ภายในมองเห็นแสงหักเหปรากฏเป็นเงาพระธาตุและพระวิหารในด้านมุมกลับ แต่มีข้อห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้น

         •  กุฏิพระแก้ว เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต ไม่ปรากฏว่าใครเป็นผู้สร้างและสร้างเมื่อใด แต่ประมาณอายุไม่ต่ำกว่า 400 ปีมาแล้ว

         •  วิหารพระเจ้าศิลา เป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าศิลาซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงละโว้ เมื่อ พ.ศ. 1275 พระบิดาของพระนางจามเทวีมอบให้ประดิษฐานไว้ ณ ที่นี้ 

          •  พิพิธภัณฑ์ รวบรวมศิลปวัตถุจากที่ต่างๆ ที่หาชมได้ยาก เช่นสังเค็ด ธรรมาสน์ คานหาบ ตู้พระไตรปิฎก เป็นต้น

          •  นอกจากนี้วัดพระธาตุลำปางหลวงยังเป็นที่ประดิษฐาน “พระแก้วดอนเต้า” (พระแก้วมรกต) พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดลำปาง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนาสลักด้วยหยกสีเขียว ทุกปีจะมีงานนมัสการพระแก้วดอนเต้าในวันเพ็ญเดือน 12 นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมวัดพระธาตุลำปางหลวงได้ระหว่างเวลา 07.30-17.00 น.

          •  การเดินทาง วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้งอยู่ที่ ตำบลลำปางหลวง ห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลำปาง-เถิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 586 เลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ว่าการอำเภอเกาะคา จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอีก 1 กิโลเมตร 

          •  หากเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางสามารถใช้บริการรถสองแถวสีฟ้าที่ถนนรอบเวียงใกล้ตลาดออมสิน










ท่องเที่ยวเมืองไทย.. เล่นน้ำ กินอาหารทะเลสด ที่อ่าวมะนาว กองบิน53

สำหรับคนที่ชอบเที่ยวทะเล วันนี้เรามีสถานที่มาแนะนำครับ อ่าวมะนาว กองบิน 53


        เป็นชายหาดที่สะอาดและ สวยงามอยู่ในพื้นที่ของกองทัพอากาศ ชายหาดมีลักษณะโค้งเป็นวงกลมเหมือนลูกมะนาว จึงเป็นที่มาของคำว่า อ่าวมะนาว อ่าวมะนาวมีภูเขาสองลูกโอบล้อมคือ เขาล้อมหมวก และ เขาคลองวาฬ สามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากชายหาด


ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นอ่าวมะนาวเคยเป็นยุทธภูมิระหว่างกองทัพไทยและกองทัพญี่ปุ่น ในกองบิน 53 จะเห็น อนุสาวรีย์วีรชน รูปทหารในชุดนักบินยืนอยู่บนใบพัดเครื่องบินถือธงหันหน้าออกทะเล และยังมี อุทยานประวัติศาสตร์กองบิน 53 โดยจะเห็นแท่งหินขนาดใหญ่แกะสลักจำลองฉากการต่อสู้ระหว่างกองทัพไทยกับญี่ปุ่น บริเวณอ่าวมะนาว

ทุกปีมีการจัดงานวันรำลึกวีรกรรม 8 ธันวาคม 2484   นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปพักผ่อนเล่นน้ำที่ชายหาด มีร้านอาหาร สโมสรและบริการบ้านพักหลายแบบ ทั้งแบบทาวเฮาส์ คอนโดมิเนียม สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กองบิน 53 โทร. 0 3266 1087-8, 0 3261 1017, 0 3266 1031 ต่อ 60464, 60465, 60484 (จองล่วงหน้า 1 เดือน) ในกรณีที่เข้าพักเป็นหมู่คณะควรทำหนังสือแจ้งล่วงหน้า


ราคาที่พักอาคารที่พักสวัสดิการกองทัพอากาศ (อ่าวมะนาว)

ห้อง Suit ไออุ่นครอบครัว 2 ห้องนอน พร้อมห้องนั่งเล่น พักได้ 4 คน ราคา 3,800 บาท*
ห้อง Deluxe แสนสบาย พักได้ 2 คน ราคา 1,600 บาท*
ห้อง Standard คลาสสิค พักได้ 2 คน ราคา 900 บาท*
ห้อง Town house พาสนุก พักได้ 6 คน ราคา 2,100 บาท*
*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้โปรดตรวจสอบราคากับอาคารที่พักสวัสดิการ ฟ้าชมคลื่น อ่าวมะนาว

การเดินทางไปอ่าวมะนาว

ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) ผ่านสมุทรสงคราม เลี้ยงซ้ายเข้าเพชรเกษมผ่านเพชรบุรี (เส้นทางเดียวกันกับหัวหิน) เข้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จากเทศบางเมืองประจวบฯ ไปทางทิศใต้ตามถนนสละชีพถึงสามแยกเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3167 ผ่านสนามบินกองบิน 53 ถึงอ่าวมะนาว ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร หรือ จากอ่าวประจวบใช้ถนนเลียบหาด จากกรุงเทพฯ ใช้ระยะทางรวมประมาณ 285 กม. จากหัวหินประมาณ 105 กม.

ทางรถโดยสารประจำทาง จากสถานีขนส่งสายใต้ มีรถโดยสาร กรุงเทพฯ-ประจวบคีรีขันธ์, กรุงเทพฯ-หัวหิน, กรุงเทพฯ-ปราณบุรี สอบถามรายละเอียดได้ที่ 02-435-1199 (รถปรับอากาศ) และ 02-434-5557 (รถธรรมดา) แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้าง
ทางรถไฟ ลงรถที่สถานีรถไฟประจวบคีรีขันธ์แล้วต่อรถจักรยานยนต์รับจ้าง






   



ที่มา  http://www.folktravel.com/archive/%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A7.html